รีวิวทริปเที่ยวเกาหลีใต้ กรุงโซล ซอรัคซาน เกาะนามิ ด้วยตนเอง

รีวิวทริปเที่ยวเกาหลีใต้ กรุงโซล ซอรัคซาน เกาะนามิ ด้วยตนเอง
South Korea Trip Review, Seoul Soraksan Sokcho Nami Island

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วันที่ 5 เดินทางจาก ซอรัคซาน ไปชุนชอน (춘천 ) ต่อรถไป Gapyeong นั่งรถ Gapyeong Circle tour bus ไปเกาะนามิ และ หมู่บ้านฝรั่งเศส

สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2556 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการเดินทางของพวกเราครับ วันนี้เรามีแผนการเดินทางจากซอรัคซาน จะไปเที่ยวเกาะนามิ หมู่บ้านฝรั่งเศส และจะไปสวนพฤกษศาสตร์ Morning Calm ด้วย (แต่สวนพฤกษศาสตร์พวกเราไม่ได้ไปเพราะสมาชิกของเราไม่สบายเลยต้องยกเลิกไป) เช้าวันนี้เราเดินทางออกจากโรงแรม Soraksan Resotel ประมาณ 6 โมงเช้า กะว่าจะออกจากโรงแรมซัก 6 กว่าให้ทันรถสาย 7-1 ตอน 6:55 แต่ก็เลทจนได้เพราะสมาชิกยังไม่พร้อมเดินทาง ก็เลยได้เที่ยว 7 โมง 20 นาที เราจะนั่งรถเมล์สาย 7-1 นี้ไปลงป้ายสถานีรถบัสในตัวเมืองซกโชที่เรานั่งมาเมื่อวานนะครับ เพื่อจะต่อรถบัสไปเมืองชุนชอน จากนั้นนั่งรถบัสจากชุนชอนไปกาพยอง แล้วก็หารถ circle tour bus ไปเกาะนามิ ครับ วันนี้นั่งรถหลายต่อ แต่ไม่ยากครับ จะเล่าทีละสเต็ปนะครับ 


อันนี้เป็นป้ายแสดงเวลารถที่ป้ายรถเมล์ตรง ศูนย์นักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติซอรัคซานนะครับ (Seoraksan National Park Visitor Center : 설악산국립공원탐방안내소) มีสาย 7 และ 7-1 (ต้องนั่งสาย 7-1 เท่านั้นนะครับถ้าเราจะไปถึงสถานีรถบัสเมื่อวานที่เรานั่งมาจากโซล)


ระหว่างที่รอรถอยู่ก็ไปถ่ายรูปกับหมีดำตรงหน้า Seoraksan National Park Visitor Center 


วิวข้างป้ายรถเมล์ตรงด้านหน้าของ Seoraksan National Park Visitor Center ครับ


นั่งรถเมล์สาย 7-1 ออกมา ครึ่งชั่วโมงก็ถึงในตัวเมืองซกโชครับ เด็กนักเรียนไปโรงเรียนกันตอนเช้า ขึ้นมายืนกันเต็มรถเมล์ บดบังทัศนียภาพหมดเลย ผมกลัวว่าถ้ามองไม่เห็นทางก็จะนั่งเลยป้าย เลยบอกให้คนขับรถจอดตรงที่ Sokcho Bus Station : 속초버스더미널  (เอารูปนี้ให้โชเฟอร์ดูครับ) คนขับพยักหน้าเข้าใจ พอถึงป้าย โชเฟอร์รถเมล์บอกให้ลง เราจะลงฝั่งปั๊มน้ำมัน แล้วเดินข้ามถนนมาฝั่งนี้นะครับ แล้วก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วในอาคาร ที่เป็นรูปกรวยๆสีน้ำตาลในรูปนะครับ 


เข้าไปซื้อตั๋วข้างในอาคาร บอกเขาว่าไปเมืองชุนชอน (춘천) ได้เที่ยว 8 โมงเช้าครับ ค่าตั๋วคนละ 13,400 วอน (ประมาณ 352บาทครับ) รถออกตรงเวลาเป๊ะ


รถบัสไปชุนชอน  (춘천)  ภายในหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ 


นั่งรถบัสมา 2 ชั่วโมงก็มาถึงท่ารถเมืองชุนชอน (춘천) ครับ 


เข้าไปในตัวอาคารขนส่งนะครับ มีเคาน์เตอร์ขายตั๋วอยู่ ให้บอกว่าจะไป กา-พยอง (Gapyeong : 가평)


หน้าตาของตั๋วเป็นอย่างนี้ครับ ราคาไปกาพยอง 2900 วอน(ประมาณ 76 บาท) ไม่ได้ระบุที่นั่งครับ นั่งตรงไหนก็ได้ คนขายตั๋วบอกให้ไปขึ้นรถได้เลย ที่ชานชลาหมายเลขเท่าไหร่แล้ว (ต้องถามจากคนขายตั๋วนะครับว่าชานชลาไหน เพราะมันไม่ได้ระบุในตั๋ว) ขึ้นบนรถบัสแล้วก็หาที่นั่งตามสะดวก รอแป๊บเดียวรถบัสก็ออกเดินทางครับ 


นั่งรถบัสชมวิวเรื่อยๆครับ รู้สึกว่าไม่ค่อยมีบ้านคนเลยครับเมืองนี้ 


นั่งรถบัสมาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงกาพยองครับผม  ในรูปนี้เป็นอาคารขนส่งที่กาพยองนะครับ ในรูปป้ายเขียนว่ากาพยองเทอร์มินอลครับ ตอนแรกเข้าใจว่ารถ Circle Tour Bus ที่จะเดินทางไปเกาะนามิจะต้องซื้อตั๋วในอาคารนี้ แต่ไม่ใช่นะครับ พวกเราเข้าไปถามจะหาซื้อตั๋วแต่เจ้าหน้าที่ชี้ให้เราเดินมาด้านข้างของตัวอาคารนี้ครับ จะมีป้ายรถเมล์อยู่ 


ป้ายรถเมล์ที่ว่าก็คือป้ายนี้แหละครับ


ภาพนี้คือตัวอาคารแกพยองเทอร์มินอลครับ ยืนถ่ายจากป้ายรถเมล์รูปบน 


ตรงป้ายรถเมล์มีป้ายแสดงเส้นทางวิ่งของ Gapyeong Circle Tour Bus ครับ 


เอาแบบชัดๆนะครับ คือจะให้ดูว่ามันมีแต่ภาษาเกาหลีครับ 555 เพราะฉะนั้น เพื่อความเข้าในกรุณาดูเวลาจากตารางด้านล้างครับ ผมเอามาสแกนให้ดูแล้ว


ภาพนี้เป็นตารางรถนะครับ เริ่มจาก Gapyeong มี 8 เที่ยวต่อวัน เริ่มวิ่งจาก Gapyeong ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆครับ พวกเรามาถึงที่ Gapyeong 10 โมงกว่าๆ ก็เลยต้องรอรถบัสรอบ 11:00 น.ครับ

ส่วนตารางนี้แสดงเวลารถวิ่งที่เริ่มจากสวนพฤกษศาสตร์ Morning Calm ครับ 


เวลา 11 โมงตรง โชเฟอร์ก็มาจอดตรงป้าย แบบตรงเวลาเป๊ะครับ เวลาขึ้นรถก็ต้องซื้อกับคนับรถเลยครับ ตั๋วใบละ 5000 วอน (ประมาณ 131 บาท) ใช้ได้ทั้งวัน (ระวังนะครับ ถ้าทำตั๋วหายก็ต้องซื้อใหม่ครับ) 



หน้าตาของตั๋วจะเป็นแบบนี้ครับ ย้ำนะครับ เก็บไว้ดี มิฉะนั้น ต้องซื้อใหม่แบบว่าจะเสียอารมณ์โดยใช่เหตุ


รถบัสออกจากป้ายแล้วใช้เวลา 10 นาทีก็จะแวะรับผู้โดยสารที่สถานีรถไฟฟ้า สถานี Gapyeong Station Terminal ด้วยครับ (ขากลับ พวกเราก็มาขึ้นรถไฟฟ้าสถานีนี้เพื่อกลับไปกรุงโซลครับ) หลังจากนั้น รถบัสก็วิ่งต่อไปอีก 5 นาทีก็จะถึงป้ายที่จะลงไปขึ้นเรือเพื่อไปเกาะนามิครับผม 


ลงรถมาแล้วก็เดินไปตามถนนทางนี้ครับ 


เดินผ่านลานจอดรถครับ ด้านซ้ายมองเห็นแม่น้ำแล้วครับ 


เดินผ่านประตูเข้าไป ประมาณว่าเข้าไปในอีกประเทศหนึ่งเพราะป้ายบอกว่า immigration ครับ 


ที่ซื้อตั๋วครับ 


ตั๋วหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ คนละ 8000 วอน (ประมาณ 210 บาทครับ) รวมค่าเรือข้ามฟากไปกลับแล้วนะครับ


เดินลงไปตามทางเดินไปขึ้นเรือครับ


เรือมีสองชั้นนะครับ ขึ้นชั้นบนหรือชั้นล่างก็ได้ครับ และที่ชั้นบนมันจะมีห้องอยู่ ใครจะชมวิวข้างนอกก็ได้ครับ แต่ข้างนอกจะร้อนหน่อย เรือออกทุกๆ 30 นาที เที่ยวแรกของวันคือเวลา 7:30 น.ครับ 


เรือออกแล้วก็ถ่ายรูปวิวไปเรื่อยๆครับ สวยงามดีครับ ไม่มีบ้านคนเลยแถวนี้


มองย้อนกลับไปที่ท่าเรือ เห็นเสาสูงๆนี้รู้สึกจะเป็นสถานีปล่อยให้คนขี่สลิงมั้งครับ ข้ามเกาะไป ผมว่าน่ากลัวมากเลยอ่ะ ใครจะกล้าเนี่ย 


ภายในห้องผู้โดยสารชั้นบนข้างใน มองเห็นข้างนอกครับ 


ไตรรงค์ธงไทยปลิวไสวสวยงามสง่าอยู่เสาแรกเลยครับ และก็ธงอีกหลายๆประเทศมากมายครับ 


มาไกลเรื่อยๆแล้วครับ 


ถึงเกาะนามิแล้วครับ 


เดินเข้าไปในเกาะครับ เห็นธงชาติไทย จีน มาเลเซีย ก่อนเพื่อนเลย หลักๆ นักท่องเที่ยวก็สามประเทศนี้แหละผมว่า เขาเลยเอาใจเป็นพิเศษ


มุมสวยๆให้ถ่ายรูปด้านหน้าของเกาะตรงทางเข้าครับ 


เอาให้เห็นภาพรวมๆนะครับ เข้ามาแล้ว มองย้อนกลับไป และซุ้มที่เขามาเขียนป้ายชื่อฝากข้อความไว้เป็นที่ระลึกครับผม


ซุ้มตรงนี้แหละครับที่ใครต่อใคร เขาก็มาเขียนฝากข้อความมาเยี่ยมเยียนกัน


มาถึงแล้วถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะมาทำอะไร ผมขอแนะนำว่าควรนั่งรถบั๊กกี้คันนี้ชมเกาะรอบๆครับ เขามีไว้บริการพานักท่องเที่ยวชมรอบเกาะ แต่ละรอบใช้เวลา 20 นาที ค่ารถบักกี้ชมรอบเกาะคนละ 5000 วอนครับ (ประมาณ 131 บาท) จ่ายตังค์ที่เจ้าหน้าที่ตรงนั้นได้เลยครับ 


หน้าตาของตั๋วรถบักกี้ชมรอบๆเกาะเป็นประมาณนี้แหละครับ (ขออภัยที่รูปไม่ชัด) ระบุราคา 5000 วอน


รถก็พาเราชมรอบเกาะแบบช้าๆ เรื่อยๆ ประมาณว่าถ้าเดินแบบเร็วๆก็ยังเดินทันรถคันนี้ครับ 555 


ผ่านแนวต้นไม้ ผ่านทางเลียบแม่น้ำ


หรือใครจะเช่าจักรยานขี่รอบเกาะเองแบบคุณป้าในรูปนี้ก็ได้นะครับ อันนี้ไม่ทราบราคาครับเคยอ่านข้อมูลไปบอกว่าชั่วโมงละ 5000 วอนครับ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงราคา)


ถ้าเหนื่อยก็มีศาลาให้พัก 


ต้นไม้เยอะดีครับ มุมนี้สวยแปลกตาไปอีกแบบ


ภาพนี้ลุงโรธเป็นผู้เสียสละกระโดลงไปจากรถไปถ่ายรูปให้แล้วรีบวิ่งกลับมาขึ้นรถเหมือนเดิม (รถวิ่งช้า เลยกระโดดลงได้)


ผ่านลานที่เขาเอาฟางมากองไว้เป็นแท่งๆอย่างนี้ ไม่รู้เอาไว้ทำอะไรเหมือนกันครับ 


นั่งบักกี้ชมรอบเกาะแล้วก็ลงที่จุดเดิมที่เราขึ้นรถครับตรงทางเข้าเกาะ คราวนี้เราจะเดินชมเกาะโดยเดินไปตามทางเดินที่พาดกลางเกาไปเรื่อยๆครับ มีแนวต้นไม้ร่มรื่นตลอดทางครับ


มีรถรางวิ่งให้บริการด้วย น่าจะไม่ฟรี ไม่ได้ขึ้นครับ เลยไม่มีข้อมูล 


นี่แหละครับ รถราง 


เขาเลี้ยงนกกระจอกเทศไว้ด้วยครับ


เดินชมวิวไปเรื่อยๆครับ เจอเมอไลออนกำลังพ่นน้ำสัญลักษณ์แห่งประเทศสิงคโปร์ด้วยครับ 


ข้อความต้อนรับสู่เกาะนามิเป็นภาษาไทยก็มีนะครับ 


บึงนี้มีปลาเยอะครับ ด้านหลังเห็นมีฟางเป็นกองๆด้วย คล้ายๆรูปก่อนหน้านี้ตอนที่เรานั่งบั๊กกี้เที่ยวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าโซนเดียวกันหรือเปล่าครับ งงทิศ จับต้นชนปลายไม่ถูก


อีกมุมครับ ในบริเวณเดียวกัน 


ศูนย์ประชาสัมพันธ์ครับ (Tourist Information) 


ไปเจอร้านอาหารนี้ระหว่างทางครับ Country Restaurant 


มื้อนี้ฝากท้องกับเมนูชื่อ มันดู อารมณ์ประมาณติ่มซำหรือเกี๊ยวซ่าแต่เอาไปต้มครับ มีไส้หมูสับข้างใน มื้อนี้จ่ายไป 21000 วอน สำหรับสองคน (552 บาท) ถือว่าโอเคครับ ราคาไม่ได้โหดร้ายมากสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ เห็นกะทะเล็กๆนะครับ แต่กินเกือบไม่หมดครับสองคน 


ตรงนี้ก็เป็น Food Zone นะครับ มีร้านอีกหลายร้านให้นั่งดื่มกิน


ตรงนี้เป็นสนามเด็กเล่น 


ยังมีทางเดินไปอีกเรื่อยๆครับ แนวต้นสนมีหลายโซนมากเลยครับ เห็นกองฟางอีกแล้ว แสดงว่ากองฟางก็มีหลายโซนเหมือนกัน อิๆ 


แล้วเราก็มาถึงแนวสนตรงนี้ครับ ที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปกัน เพราะเป็นที่ถ่ายทำละคร Winter Love Song แต่คนเยอะมากๆๆๆๆๆครับ 


ใครใคร่จะกระโดดถ่ายรูปก็เชิญกระโดดกันได้ตามอัธยาศัย


ข้างๆกันก็มีปฏิมากรรม เห็นมีป้ายติดเอาไว้ว่าชื่อ Janggang and Hwangha ครับ


และที่ขาดไม่ได้ก็คือรูปปั้นพระเอกนางเอกจาก Winter Love Song ครับ 


ถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาไปเที่ยวที่อื่นต่อแล้วครับ เดินผ่านอาคารที่สาธิตการทำแจกันดินเผาครับ แล้วก็มีการสาธิตวิธีการเป่าแก้วให้เป็นรูปต่างๆ ด้วยครับ


ระหว่างทางกลับเจอสวนสวย ได้อีก 1 รูปครับ 


แล้วก็ได้เวลาร่ำลาเกาะนามิจริงๆซะที เรือเฟอรี่ออกทุกๆ  30 นาทีนะครับ เที่ยวสุดท้ายออกจากเกาะนามิเวลา 21:45 น. ครับ ถึงฝั่งแล้วก็ออกมายืนรอรถ circle tour bus ที่ป้ายที่เราลงเมื่อเช้า รอรถรอบต่อไปเวลา 15:15 น. พวกเราลืมดูเวลาก่อนออกมาจากเกาะนามินะครับ เวลาก่อนหน้านั้นคือ 14:15 น. ที่รถ Circle tour bus จะมาถึง พวเรามาถึงฝั่ง บ่ายสองครึ่ง ก็เลยต้องรอกันอีกเกือบชั่วโมง เสียเวลามากครับ เพราะฉะนั้น ต้องบริหารเวลาให้ดีๆนะครับ ถ้าจะใช้รถเซอเคิลทัวร์บัสนี้ ออกจากเกาะนามิมาให้ทันช่วงเวลารถบัส จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอนานเหมือนพวกเรา 


นั่ง Circle Tour Bus จากป้ายท่าเรือเกาะนามิ เวลา 15:15 น. ใช้เวลา 25 นาทีถึงหมู่บ้านฝรั่งเศศหรือ Petite France เวลา 15:40 ครับ 


ทางเข้าครับ ซื้อตั๋วตรงซุ้มด้านซ้ายมือในรูปครับ ราคา คนละ 8000 วอน ประมาณ 210 บาทครับ จ่ายบัตรเครดิตก็ได้ครับ ที่นี่ไม่มีตั๋วไว้ให้เก็บเป็นที่ระลึกครับ มีแต่สลิปแบบใบเสร็จออกมาให้ตอนจ่ายตังค์ 


เข้ามาแล้วก็หาวิวถ่ายรูปตามอัธยาศัยครับ มุมใครมุมมัน ที่จริงไม่เห็นมีอะไรเลย 555 แต่พวกอาคารก็สีสันสวยดีครับ


อย่าลืมถ่ายรูปกับเจ้าชายน้อยตรงนี้นะครับ 


ภาพจากมุมสูงครับ


วิวที่มองเห็นแม่น้ำฮันครับ


เด็กเลี้ยงแกะนั่งดูเจ้าชายน้อย


เวทีแสดงเรื่องเจ้าชายน้อย ไม่รู้แสดงให้ชมเมื่อไหร่บ้าง


ด้านหลังก็เป็นสวนให้ถ่ายรูปครับ 


ในสวนผมเจอเจ้าตัวนี้ด้วยครับ 


ตบท้ายด้วยภาพมุมสูงวิวแม่น้ำฮันอีกรูปก่อนกลับนะครับ หลังจากนี้พวกเราว่าจะไปสวนพฤกษศาสตร์ morning calm กันต่อ ถ้าไปต่อก็ต้องรอรถรอบถัดไปคือ 17:40 น.แต่สมาชิกเริ่มเหนื่อยแล้วก็ไม่สบายกันแล้วก็เลยต้องยกเลิกไปครับ เลยต้องนั่งรถ Circle Tour Bus ย้อนกลับไปทางเกาะนามิเหมือนเดิมครับ ดังนั้นจึงต้องรอรถบัสที่มาจากทาง สวนพฤกษศาสตร์ Morning Calm รอบที่จะมาถึงหมู่บ้านฝรั่งเศสเวลา 16:50 น.ครับ (ดูตารางในรูปบนๆ ประกอบนะครับ จะได้ไม่งง) 


ข้ามถนนมารอรถ Circle Tour bus ฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านฝรั่งเศสเพื่อย้อนกลับทางเดิมไปทางเกาะนามิ เพื่อจะไปลงที่ป้ายสถานีรถไฟกาพยองครับผม เวลา 16:50 น. รถมาตรงเวลาเด๊ะเลยครับ 


อีกครึ่งชั่วโมงรถ Circle Tour Bus  ก็พาเรามาถึงป้ายสถานี Gapyeong Station Terminal ครับเวลา 17:20 น. 

สถานีรถไฟฟ้า Gapyeong ครับผม (거평역)


เข้ามาในสถานี ใช้บัตร T Money ได้เช่นเคยครับ ภาพนี้คือภาพภายในสถานี Gapyeong นะครับ จะอยู่บนดิน ไม่ได้อยู่ใต้ดินหรือเหนือพื้นดินครับ  เราต้องนั่งรถไฟจากสถานี Gapyeong แห่งนี้ไปลงป้ายสุดท้ายของรถขบวนนี้คือสถานี Sangbong ครับ แล้วต้องต่ออีกขบวน (สาย K line)ไปสถานี Cheongnyangni แล้วขึ้นสายสีน้ำเงิน (สาย 1) จากสถานี Cheongnyangni(124) ไปลงสถานี Dongdaemun (128) แล้วก็เปลี่ยนเป็นขวนสายสีฟ้า คือสาย 4 สถานี Dongdaemun คือ 421 ไปลงสถานี Myangdong (424) กลับโรงแรม Namsan Guesthouse เช่นเดิมครับ ต่อรถไฟค่อนข้างหลายสายหน่อยนะครับ แต่ไม่ยากนะครับ มาถึงโรงแรมก็เช็คอินใหม่อีกรอบ อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว ส่วนคุณป้าในทริปวันนี้ยังไม่เหนื่อยครับ อยากไปตามหาร้านกาแฟของแจจุง ชื่อ Coffee Cojjee  หลวงไข่ก็อาสาพาไปอีก เพราะคนอื่นเหนื่อยมากแล้วเลยไม่ไปกัน 


อันนี้เป็นแผนที่ร้าน coffee cojjee ของแจจุงที่ป้าบี สมาชิกในทริปหามาให้ครับ หลวงไข่ศึกษาเส้นทางก็ไปได้ดังนี้ครับ ไม่ยากเลย ก่อนอื่นก็ต้องไปสถานีรถไฟ Subway ที่ใกล้ร้าน coffee cojjee ที่สุดก็คือ สถานี Apgujeongrodeo Station (K212) บนสาย Bundang Line (เพิ่งเปิดใช้เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2012 ) ในแผนที่จะเห็นรถไฟสายนี้เป็นสีเหลือง (แต่แผนที่เก่า ๆ จะยังไม่มีสถานีนี้ในแผนที่) ออกทาง Exit 3 แล้วเดินไปเรื่อย ๆ สามารถเข้าร้านได้ 2 ทาง คือ ซอยที่ปากซอยมีธนาคาร City Bank กับซอยที่ปากซอยเป็นช็อปของ Jil Sander (จาก Myeongdong เราต้องนั่งสาย 4 มาลง สถานี Dongdaemun History & Culture Park แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีเขียว ไปลงสถานี Wangsimni เพื่อไปต่อสายสีเหลือง สาย Bundang Line นั่งไปแค่สองสถานีก็ถึง Apgujeoungrodeo ครับ 


จากสถานี subway สถานี Apgujeongrodeo ให้เดินออกประตู 3 แล้วเดินมาเรื่อยๆ ประมาณ 200 เมตร จะเจอธนาคาร City Bank (씨티은행) แล้วก็เดินเข้าไปในซอยนี้ครับ 


เดินเข้ามาในซอยนิดหนึ่งก็เป็นทางแยกแรกก็ให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปอีก 5 ก้าวได้มั้งแล้วให้เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยดังรูปข้างบนครับ 


เอาอีกรูป เผื่องง ก็คือให้เข้าไปในซอยนี้ครับ 


แล้วก็เดินไปสุดทางจะเจอกับป้อมยามครับ แล้วก็แหงนมองด้านขวาในรูปก็จะเห็นร้าน Coffe Cojjee ครับ 


มาถึงหน้าร้านแล้วครับ 


มาถึงร้านก็สามทุ่มกว่าๆเข้าไปแล้ว พนักงานบอกว่าร้านปิด 4 ทุ่ม แต่ไม่ขายแล้ว ชมร้านได้อย่างเดียว 


บรรยากาศในร้านครับ มีสองสาวนั่งกินกาแฟอยู่ก่อนแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีคนแล้ว 


ที่นั่งในร้าน มีหมอนหลายใบมากๆ


อุตส่าห์มาถึงแล้ว กาแฟก็ไม่ได้กิน สรุปคือมาเยี่ยมร้านเฉยๆ ได้ถ่ายรูปร้านแค่นี้ป้าบีก็แฮปปี้กลับไปนอนฝันดีแล้วครับ 


แล้วเราก็ถึงเวลากลับแล้วครับ เดินย้อนกลับไปสถานี Subway Apgujeongrodeo อีกครั้ง อยากจะบอกว่าที่นี่ เทห์มากครับ เอาใจวัยรุ่นที่คลั่งไคล้ดาราสุดๆครับ มีรูปดาราให้ถ่ายเยอะมาก


 และไฮไลท์ของที่นี่คือ การบริการถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เราที่อีเมล์ได้เลยครับ 


ก่อนกลับโรงแรม พวกเราก็นั่งรถไฟซับเวย์ไปลงสถานี Dongdaemun เพื่อไปเที่ยวทงแดมุนก่อนครับ ออกมาก็เจอประตู หวงจินจิมุน (Heungjinjimun) หรือเรียกว่าประตูทงแดมุนครับ 


และแล้วเราก็ผ่าน เฉียด คลองชองเกชอนนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้ไปเดิน ไม่มีเวลาจริงๆ ที่ทงแดมุนเราไปเดินบนห้างใหญ่ แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว ไปชั้น 5 ได้ของฝากเพียบเลย 

อ่านบทความถัดไป วันที่ 6 เที่ยวสวนสนุก Everland

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น