รีวิวทริปเที่ยวเกาหลีใต้ กรุงโซล ซอรัคซาน เกาะนามิ ด้วยตนเอง

รีวิวทริปเที่ยวเกาหลีใต้ กรุงโซล ซอรัคซาน เกาะนามิ ด้วยตนเอง
South Korea Trip Review, Seoul Soraksan Sokcho Nami Island

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วันที่ 1 เดินทางจากสมุย ไปสุราษฎร์ธานี ไป กัวลาลัมเปอร์ ด้วย Air Asia นอนค้างกัวลาลัมเปอร์ 1 คืน

เนื่องจากพวกกระผมทำมาหากินอยู่ที่เกาะสมุย การจะไปไหนมาไหนด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สายการบินหนึ่งเดียวและเจ้าของสนามบินเกาะสมุยเห็นจะไม่เหมาะด้วยปัจจัยของเรื่องราคาตั๋วเตรื่องบินครับ เลยต้องถ่อสังขารไปขึ้นเครื่องที่สุราฎร์ธานี จากเกาะสมุยก็ต้องแหกขี้ตาตื่นกันตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เพื่อให้คนที่นัดเอาไว้แล้วมารับเพื่อไปส่งท่าเรือซีทรานเฟอรี่ให้ทันเรือเที่ยว 6 โมงเช้า (เรือเฟอรี่เที่ยวแรกที่ออกจากเกาะสมุยเดินทางไปท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี คือเวลา ตี 5 ครับ) เรือเฟอรี่ใช้เวลาข้ามฟาก 1 ชั่วโมงครึ่งครับ เราก็ถึงดอนสักเวลา 7:30 น.  ถึงท่าเรือดอนสักก็จองรถตู้ให้มารับเหมือนกันครับ ดิ่งตรงจากท่าเรือซีทรานเฟอรี่ฝั่ง อำเภอดอนสัก ไปยังสนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีประมาณ 9 โมง นิดๆ ทันเวลาเช็คอินพอดีกับเที่ยวบิน AK1861 ที่ออกเดินทางจากสุราษฎร์ธานีเวลา 11:35 น. ใช้เวลาบินแค่ 1 ชั่วโมง 25 นาที เราก็มาถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ LCCT (Low Cost Carrier Terminal) ของสายการบินแอร์เอเชียครับ แต่เนื่องด้วยเวลาที่มาเลเซีย เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เราจึงมาถึงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 14:10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของมาเลเซียครับ 

เครื่องจอดแล้วเราก็ลง เดินไกลมาก.....จากรันเวย์มาเข้าตึกที่ต้องผ่าน ตม. เดินเข้ามาในตัวอาคารขาเข้าแล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนมาชั้น 2 เจอด่าน ตม.ครับ มีเคาน์เตอร์สำหรับชาวต่างชาติหลายเคาน์เตอร์มากครับ ตม.ผ่านเร็วดีไม่มีติดขัด (ส่วนชาวมาเลเซีย ก็แค่เข้าช่อง Malasian Citizen ปี๊ดพาสปอร์ตเข้าประเทศตัวเองโดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่แล้วครับ)

อยากจะบอกนิดหนึ่งว่า เดี๋ยวนี้เวลาเข้าประเทศมาเลเซีย เขาไม่ต้องกรอกไปตม.เข้าออกเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะครับ แค่โชว์พาสปอร์ตอย่างเดียวตอนเข้าหรือออกนากประเทศเขานะครับ ง่ายมากๆ

ผ่านตม.เรียบร้อยแล้วก็เดินไปเรื่อยๆตามทางเดิน แล้วลงชั้นล่าง รอรับกระเป๋า เข้าห้องน้ำ แลกเงินมาเลเซียไว้ใช้ในกัวลาลัมเปอร์เล็กน้อย คนละ 1500 บาท ได้มาประมาณเกือบ 160 ริงกิต (ค่าเงินไทยแข็งครับช่วงนี้)

หลังจากนั้นก็เดินมาตามทางออก จะเจอเคาน์เตอร์รถบัสเข้าเมืองไป KL Sentral หรือไป เก็นติ้ง แล้วแต่ใครจะไปไหนนะครับเลือกเอาเลย พวกเราจะไป KL Sentral ครับ รถออกทุกๆ 30 นาทีครับ เที่ยวเดียว คนละ 8 ริงกิต ถ้าซื้อไป-กลับก็จะถูกลงมาเหลือ 14 ริงกิตครับ พวกเราเลยซื้อตั๋วไปกลับเลย เพราะยังไงซะพรุ่งนี้เราก็ต้องรีบมาสนามบินแห่งนี้อยู่ดี เพื่อต่อเครื่องไปเกาหลี

แผ่นพับบอกราคาตั๋วไปกลับระหว่างสนามบิน LCCT ไป KL Sentral 
รถบัสที่พวกผมซื้อตั๋วเป็นของบริษัท Aerobus นะครับ ออกจากสนามบิน LCCT ไป KL Sentral ทุกๆครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ เวลา 4:30 น. จนถึง ตี 2 เลยครับ ส่วนขากลับเวลารถออกจาก KL Sentral ไปสนามบิน LCCT เที่ยวแรก ตี 2:45 น. ครับ เที่ยวถัดไปคือ ตี 3:15 น. ออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมงเหมือนกันครับ จนถึงเวลา 22:30 น. (ไม่ใช่ 22:15 เฉพาะเที่ยวสุดท้ายที่ออกจาก KL Sentral เศษนาทีเป็น :30 น.)
ตารางเวลารถบัสของ Aerobus ไปกลับระหว่างสนามบิน LCCT กับ KL Sentral 
ซื้อตั๋วแล้ว ขึ้นเที่ยวไหนก็ได้ครับ ขากลับก็เช่นเดียวกัน เพราะตั๋วไม่ได้ระบุเวลารถครับว่าต้องไปเที่ยวไหน เลยหาอะไรกินรองท้องที่สนามบินนิดหน่อยก่อนเดินไปหารถบัสครับ

รถบัสของ Aerobus
ซึ่งจอดอยู่หลายบริษัทบริเวณเกือบทางออกของสนามบินครับ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ช่วยเอากระเป๋าสัมภาระไปเก็บใต้ท้องรถแล้วก็หาที่นั่งได้ตามอัทธยาศรัยครับ รถบัสใช้เวลาวิ่ง 1 ชั่วโมงเต็มก็ถึง KL Sentral ครับ นั่งมาแบบหลับๆ ตื่นๆ สลับกันไป พอถึง KL Sentral ทุกคนก็ลง รอรับกระเป๋า


แล้วเดินไปตามทางที่มีป้ายบอก Monorail หรือรถไฟรางเดี่ยวครับ เพราะ Monorail อยู่นอกอาคาร เราเลยต้องเดินไปตามทางเรื่อยๆครับ มีป้ายบอก หาไม่ยากเลยครับ แต่เดินไกลประมาณ เกือบครึ่งกิโลเลยครับ สังเกตป้าย Monorail ดังรูป แล้วเดินไปเรื่อยๆครับ


พอเจอสถานีรถไฟรางเดียวสถานี KL Sentral แล้วก็ซื้อตั๋วครับ ใช้เหรีญหรือ ธนบัตรก็ได้ แต่รู้สึกว่าแบงค์ที่ใช้ได้กับเครื่องนี้คือ 1, 5, 10 ริงกิตครับ แบงค์ใหญ่กว่านี้เครื่องไม่รับครับ 
วิธีการซื้อตั๋ว Monorail ก็คือ เลือกสถานีที่เราจะไปครับ คือ Bukit Bintang เพื่อจะไปโรงแรม Apple Hotel  ที่เราได้จองเอาไว้แล้ว  (จำราคา Monorail ไม่ได้แล้วครับ แต่ไม่แพงครับ) แล้วเครื่องก็จะบอกว่ากี่ริงกิต ให้เราใส่เงิน ถ้าเกินจำนวนเครื่องก็จะทอนให้ครับ พร้อมมีเหรียญซึ่งก็คือตั๋วออกมา (เหมือนรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯบ้านเราครับ) 

ในรูปนี้ สายสีม่วงคือ Monorail นะครับ
รูปด้านบนนี้คือแผนที่โครงข่ายการเดินรถไฟสายต่างๆในกัวลาลัมเปอร์ที่เริ่มจาก KL Sentral ครับ


เนื่องจากเป็นการขึ้นต้นสาย เราเลยได้นั่ง  ได้ชมวิวบรรยากาศตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ไปในตัว 


รูปนี้เป็นรูปของรถไฟรางเดี่ยวหรือ Monorail ของกัวลาลัมเปอร์นะครับ เผื่อใครนึกไม่ออกว่าหน้าตามันเป็นเช่นไร นั่งไปแค่ 5 สถานีก็ถึงสถานี Bukit Bintang ครับ ทีนี้ก็ได้เวลาเดินหาโรงแรม 


เดินลงมาจากสถานี Monorail ก็ถามทางไป Jalan Alor ครับ จะเป็นถนนที่มีแผงลอยอาหารตามสั่ง หรือร้านอาหารอยู่เต็มตลอดทั้งสองฟากถนนนะครับ โรงแรมเป็นตึกแถว ทาสีเขียวมีลูกแอปเปิ้ลสีเขียวด้านบนครับ อยู่ในหลืบนิดหน่อย ถามชาวบ้านเอาเขาก็บอกให้ครับ ถ้าหาไม่เจอก็โทรหาโรงแรมเลยครับ +60321422288 


มาถึงแล้วก็จัดการเช็คอิน ดูการตกแต่งภายใน ที่รีเซ็ปชั่นดูสะอาดมากครับเมื่อเที่ยบกับข้างนอกด้านหน้าโรงแรม ดูมันเก่าๆยังไงก็ไม่รู้ครับ ข้างในน่าอยู่มาก ผิดหูผิดตากับข้างนอกเลย (ตอนเช็คอินได้สอบถามพนักงานโรงแรมว่ารถ Monorail เริ่มวิ่งตอนเช้ากี่โมง เขาบอกว่า 6 โมงเช้า พวกเราเลยคิดว่ากลัวไม่ทันเครื่องบินต่อไปเกาหลีพรุ่งนี้ตอน 9  โมงเช้าก็เลยเหมารถตู้ จองกับโรงแรม 180 ริงกิตครับ ตกคนละ 20 ริงกิตหรือ 200 บาทก็โอเค ยอมทิ้งตั๋ว ขากลับที่ซื้อมาแล้วเลยครับ นัดคนขับรถไว้ตี 5 เลยครับให้มารับพวกเราไปสนามบินวันพรุ่งนี้ )


แต่พอเข้ามาถึงห้องก็ต้องตกใจกับขนาดของห้องครับ เล็กมาก ไม่รู้จะเล็กไปทำไมขนาดนี้ ประหยัดเนื้อที่ซะเหลือเกิน แบบว่าวางกระเป๋าแล้วแทบไม่มีที่เดินในห้องเลยครับ เอาน่ะ แค่ซุกหัวนอนคืนเดียว แต่ห้องสะอาดน่านอนดีครับ ลำบากตอนเดินสวนกันไปมาในห้องนี่แหละ  


อันนี้เป็นอ่างล้างหน้าในห้องน้ำก็เป็นรูปแอปเปิ้ลเขียวครับ  ไม่ต้องพูดถึงห้องน้ำก็เล็กมาก คนอ้วนๆ คิดว่าเข้าไปแล้วเบียดตัวเองให้ปิดประตูห้องน้ำไม่ได้แน่ๆ แต่โยภาพรวมก็ดูสะอาดตาดีครับ 


ทำธุระเสร็จแล้วก็ออกันมาเดินเล่นนอกโรงแรมครับ ดูบรรยากาศผู้คนมากหน้าหลายตามาหาของกินกัน กับร้านแผงลอยข้างถนนทั้สองฟากครับ พวกเรายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ก็เลยออกเที่ยวกันต่อ ปรากฏว่าน้องฝนแผลงฤทธิ์ตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยครับ ต้องรีบวิ่งไปหลบฝนเป็นการใหญ่ พวกสาวๆ เขาเลยไม่่อยากออกไปเที่ยวแล้วหาของกินกันแถวนั้นแล้วเข้านอนเลย สวนสองหนุ่มก็ออกท่องเที่ยวกันเองครับ ฝนซาก็ออกไปขึ้น Monorail อีกรอบครับ จะไปขึ้นหอคอย KL Tower ครับ


 นั่งไปอีกสองสถานี ลงสถานี Bukit Nanas แล้วเดินย้อนกลับมาทางเดิมประมาณ 500 เมตร ไกลทีเดียวครับ (ถนนฟากตรงข้ามกับที่ลงสถานี Bukit Nanas จะมีทางเดินที่มีหลังคาด้วย ตอนลงสถานีให้ข้ามถนนมาฝั่งนี้จะไม่เปียก ถ้าเดินไปทางฟากถนนของตอนลงสถานีจะไม่มีหลังคาครับ) แล้วหาทางขึ้น KL Tower กว่าจะถึงเปียกหมดเลยครับ (แนะนำให้นั่งแท็กซี่ดีกว่าถ้าใครจะไป KL Tower เพราะว่ามันต้องเดินขึ้นเขาด้วย เหนื่อยมากๆๆๆ)  ในรูปนี้เป็น 4 แยก ที่สิ้นสุดหลังคา เราก็ต้องเดินข้ามถนนไปฝั่งเดิม แล้วเดินตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร จะมีทางแยกเข้า KL Tower ด้านขวามือ แต่ก็ต้องเดินขึ้นเขาอีกครับ เปียกมะล่อกมะแล่กเลย ไม่ได้ถ่าย KL Tower มาเลย เพราะกลัวกล้องเปียกน้ำ 


มาถึง KL Tower แล้วก็จัดการซื้อตั๋วขึ้น K Tower ครับ ราคา 47 ริงกิตต่อคนครับ รูดบัตรเครดิตไปเลยครับ เพราะแลกเงินสดมาน้อยกลัวใช้ไม่พอ 


ซื้อตั๋วเสร็จก็ขึ้นลิฟท์ไปด้านบนครับ มีเจ้าหน้าที่บริการอำนวยความสะดวกขึ้นลงที่ลิฟท์ครับ เห็นวิวตึกแฝดเปโตรนาสไกลๆครับ แต่ฝนเพิ่งหยุด ฟ้ายังไม่เปิด ก็เลยถ่ายมาดีที่สุดได้แค่นี้ครับ 


นอกจากนี้ก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึกเช่นแม่เหล็กติดตู้เย็น หรือโปสการ์ดครับ วนไปวนมา 2-3 รอบ ถ่ายรูปสมใจแล้วก็ลงลิฟท์กลับไปชั้นล่างเหมือนเดิมครับ 


ที่ชั้นล่างมีซุ้มแลกเงินด้วยครับ แล้วก็เคาน์เตอร์บริการแท็กซี่แบบไม่มีมิเตอร์ และมีห้องขายของที่ระลึกฟอร์มูลา1 ถ้าจะถ่ายรูปแบบนี้ต้องจ่ายด้วยนะครับ 10 ริงกิต อีกด้านเห็นเป็นประมาณว่าสวนนก แต่ฝนตกเราเลยไม่สนใจเข้า 


ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ให้เจ้าหน้าที่เรียกแท็กซี่ให้จะไปเที่ยวตึกแฝดเปโตรนาสครับ 25 ริงกิต 


มาถึงฝนก็กระหน่ำอีกระลอก เลยไม่ได้ถ่ายรูปกับตึกแฝด แค่เข้ามาข้างในเป็นห้างหรูหรา ร้านค้ามากมาย เดินเล่นไปมาสองสามรอบก็กลับโรงแรมครับ ด้านหน้าตึกแฝดเปโตรนาสจะมีบริการแท็กซี่มิเตอร์ด้วยครับ แต่ต้องจ่ายค่าคิวเพิ่มอีก 2 ริงกิตที่เคาน์เตอร์แล้วจะมีแท็กซี่มาตามคิว นั่งกลับโรงแรม ประมาณ 20 นาทีก็ถึงครับ จ่ายค่าแท็กซี่ไปรู้สึกจะ 18 ริงกิตครับ  


กลับมาถึงก็หาอะไรกินรองท้องหน่อยครับ แถวๆหน้าโรงแรมแอปเปิ้ล มีร้านอาหารตามสั่งที่เจ้าของเป้นคนไทยด้วยครับ พนักงานเสิร์ฟทุกคนก็เป็นคนไทยหมดครับ แล้วก็ได้เวลานอนซะที พรุ่งนี้ตี 5 เลยครับ รถมารับ ต้องตื่นอาบน้ำ ตั้งแต่ตี 4 อีกแล้ว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น