รีวิวทริปเที่ยวเกาหลีใต้ กรุงโซล ซอรัคซาน เกาะนามิ ด้วยตนเอง

รีวิวทริปเที่ยวเกาหลีใต้ กรุงโซล ซอรัคซาน เกาะนามิ ด้วยตนเอง
South Korea Trip Review, Seoul Soraksan Sokcho Nami Island

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วันที่ 2 เดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปเกาหลีใต้ด้วย Air Asia

สวัสดีเช้าวันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม 2556 วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเดินทางครับ คนขับรถมารับเราตั้งแต่ตี 5 ตามที่เราตกลงเวลากันไว้ไม่มีเลทเลยสักนิด ตรงเวลาอย่างมาก 


กว่าสมาชิกจะครบก็ถ่ายรูปกับโรงแรมแอปเปิ้ลไว้เป็นที่ระทึกก่อนจากไปครับ ขวาสุดในรูปคือคนขับที่มารับพวกเราครับ คุยดีอัธยาศัยดีมากๆครับ 


นั่งรถตู้มา 1 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ LCCT เช่นเดิมครับ ดูป้ายใหญ่ด้านหน้าทางเข้าบอกไฟล์ที่เราจะไปเกาหลี D7 504 เที่ยวบินเวลา 9:00 a.m. ให้ไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์หมายเลข S44 หรือ S45 ก็เดินมาเช็คอินครับ ใครกระเป๋าถือเดิน 7 กิโลกรัมระวังโดนชาร์จน้ำหนักเกินนะครับ เพราะฉะนั้นจ่ายค่าโหลดกระเป๋ามาจากในอินเตอร์เน็จตอนจองตั๋วจะถูกกว่าเป็นเท่าตัวเลยครับ แต่ของหลวงไข่ไม่โหลดครับ ชั่งมาก่อนหน้านี้แล้ว 7 กิโลเด๊ะเลยครับ อ้อ ลืมบอกไป ขากลับมาจากเกาหลี เราต้องมานอนสนามบินกัวลาลัมเปอร์กันครับ เพราะเรามาถึง KL เกือบเที่ยงคืนแล้ว และ ต้องต่อเครื่องตอนเช้าไปสุรษฎร์ธานีด้วย เลยไม่เข้าในเมืองครับ นอนค้างสนามบินเลย แนะนำมุมตรงเคาน์เตอร์ S45 - S46 ตรงนี้นะครับ คนไม่ผ่านแน่นอน เป็นมุมที่ไม่มีคนเดินผ่านครับ นอนได้เลยตอนดึกๆ สบายมากๆครับ เสร็จแล้วก้ผ่าน ตม. รอในเกท จนเครื่องออกจากกัวลาลัมเปอร์เวลา 9:00 a.m. ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซียครับ

ผ่านไป 6 ชั่่วโมง 20 นาที เราก็บินมาถึงสนามบินนานาชาติอินชอนเกาหลีใต้ครับ เวลาท้องถิ่นที่เกาหลีเร็วกว่ามาเลเซียอีก 1 ชั่วโมง เวลาที่เรามาถึงที่นี่จึงเป็น 16:20 น.ครับ บรรยากาศดูครึ้มๆ ท่าทางจะหนาว ชักจะหวั่นๆกับอากาศ 555 


ออกมาจากเครื่องบินก็เดินออกมาตามทางงวงช้างนะครับ มีจอทีวีต้อนรับด้วยครับ แต่เป็นภาษาเกาหลีกับภาษามาเลย์ สาวๆชาวมาเลเซียดูจะตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกับพวกเราครับกับการได้บินมาไกลถึงเกาหลี ถ่ายป้ายไว้เป็นที่ระทึกกันเพียบเลย กว่าจะได้เข้าไปในตัวอาคาร


เข้ามาข้างในแล้วก็จะเห็นป้ายบอกให้เดินไป arrival หรือ Transfer ครับ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเดินกันเท่าไหร่ สังเกตได้ว่าแทบทุกคนต้องถ่ายรูปโน่นถ่ายรูปนี่ แสดงว่าทุกคนตั้งใจมาเที่ยวเกาหลีกันจริงๆครับ 

ระหว่างทางเดินก็มีรูปวิวสวยๆแปลกตาให้ถ่ายรูปด้วยครับ นายแบบของเราดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเลยครับในรูปนี้มันที่ไหนของเกาหลีหรือครับ สวยมาก ใครรู้ช่วยบอกทีว่าที่ไหน


สิ้นสุดทางเดินจะมีป้ายบอกว่า Transfer ซึ่งหมายถึงว่าพวกเราจะต้องนั่งรถไฟจากตัวอาคารนี้ไปยังอีกอาคารหนึ่งครับ (เหมือนสนามบินชางฮีที่สิงคโปร์เลยครับ) ตอนแรกคิดว่าจะผ่านตม.ตรงอาคารนี้ซะอีก รถไฟจะมาทุกๆ 5 นาทีครับ นั่งฟรี ไม่เสียตังค์


ภายในรถไฟฟ้ามีที่นั่งไม่กี่ที่ครับ ส่วนใหญ่จะต้องยืน หลวงไข่แย่งเด็กก่อนก็เลยได้นั่งครับ เด็กแย่งไม่ทัน 555 แต่แค่อึดใจเดียวเองครับ เราก็มาถึงอีกอาคารหนึ่งเป็น Arrival Terminal ที่เราต้องผ่าน ตม.ที่นี่ครับ 


พอมาถึงตัวอาคารนี้ ก็จะมีรูปภาพวาดศิลปะ หรือมีอะไรสวยๆมากมายให้ตื่นตาตื่นใจและอดไม่ได้ที่เราจะต้องหยุดถ่ายรูปด้วยครับ 


สักพักก็จะเดินมาถึงจุดที่พวกเราต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. นั่นเองครับ มีป้าย Baggage Claim ทางนี้ด้วยครับ แต่หมายความว่าเราต้องผ่าน ตม.ไปก่อนถึงจะรับกระเป๋าได้ 


นี่แหละครับ ด่านตม. ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีที่ใครๆต่างก็เกรงกลัวว่าจะถูกส่งตัวกลับ พวกเราก็ระทึกใจกันมิใช่น้อยครับ คนก็เยอะจริงๆ แต่เท่าที่สังเกต ไม่มีใครโดนกักตัวเลยครับ พวกเราก็ผ่านมาได้แบบสบายๆ แต่ตอนแรกๆก็ให้เด็กๆ เข้าไปก่อนเผื่อมีปัญหาอะไรผู้ใหญ่จะคอยช่วยคุยได้ ปรากฎว่าเด็กผ่านตลอด ผู้ใหญ่ก็ผ่านตลอด ไม่ถามอะไร ไม่ขอดูอะไรสักนิดเดียว แสตมป์เข้าประเทศให้อย่างเดียวเลยครับ


เมื่อสมาชิกครบทุกคนแล้วก็เดินไปรับกระเป๋ากันครับ เนื่องจากเสียเวลานานมาก กว่าพวกเราจะแวะถ่ายรูปกัน กว่าจะผ่าน ตม. เสร็จ ที่สายพานลำเลียงกระเป๋าหมายเลขเที่ยวบินที่เรามา เขาเอามากองให้บนพื้นเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่มีของใครแล้วเหลือแต่ของพวกเราครับ ดสร็จแล้วก้จะต้องเดินทาทางที่จะไปขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อที่จะนั่งเข้าเมืองครับ 


เดินไปเรื่อยๆนะครับ หาป้าย Airport Railroad อย่างนี้แหละครับ 


ออกมาข้างนอกแล้ว อะไรๆ ก็ดูอลังการ ตื่นตาตื่นใจไปซะหมดครับสำหรับประเทศเกาหลี เขาสร้างเขาจัดระเบียบทุกอย่างได้สะอาดน่าอยู่มากๆครับ 


ทางด้านซ้ายมือในรูปบนก่อนหน้านี้จะมีร้านสะดวกซื้อชื่อร้าน CU ครับ เราสามรถซื้อบัตร T Money ได้ที่นี่ครับ เพื่อใช้ในการจ่ายค่ารถไฟฟ้า รถบัส หรือแม้แต่ซื้อของในเซเว่นอีเลฟเว่นครับ บัตร T Money ราคาบัตรอยู่ที่ 3,000 วอน และ สามารถเติมเงินที่ร้าน CU หรือ 7Eleven หรือที่ตู้เติมเงิน T Money ตามสถานีต่างๆของรถไฟใต้ดินครับ เติมเงินในบัตรได้ตั้งแต่ 1,000 - 50,000 วอน ครับ เราเติมครั้งแรกคนละ 10,000 วอนก่อนครับ

บัตร T Money นี้เราสามารถรีฟันด์เงินคืนได้ครับถ้าเงินเหลือในบัตร รีฟันด์ได้ที่ร้าน CU เช่นเดิมก่อนขึ้นเครื่องกลับบ้าน แต่จะโดนหักค่าบริการห้าร้อยวอนครับ โดนหักไม่เยอะครับ และเราก็ได้บัตรมาเป็นที่ระลึกกลับบ้านด้วยครับ 


ทำท่าจะเดินเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้า พอดีมีเจ้าหน้าที่ของ Korail Airport Reailroad มายืนแจกบัตรโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 เราก็รีบคว้าไว้ทันที แต่ราคาตั๋วผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ ไปสถานี Seoul Station แต่ว่ายังไงก็โปรโมชั่นครับก็เลยรีบตะครุบไว้ทันที และต้องมาบัตรโปรโมชั่นมายื่นเพื่อซื้อตั๋วตรงเคาน์เตอร์ข้างๆด้านหน้าทางเข้าสถานีครับ (ถ้าไม่มีโปรโมชั่นแบบนี้ก็ปี๊ดบัตร T Money เข้าไปในสถานีเลยครับ 


เข้ามาในสถานีแล้วก็รอขบวนรถไฟฟ้าแป๊บเดียวก็มาครับ วันนี้มีอะไรพิเศษด้วยคือ โชว์การเล่นดนตรีเกาหลี มีระบำเกาหลีให้ชมด้วย ประมาณว่ารายการพิเศษอะไรสักอย่าง


มีรำบำเกาหลีด้วย เรียกว่าอะไรก็มีรู้ครับ 555 ไม่มีข้อมูล


ดูระบำไปด้วยดูวิวไปด้วย เพลินตาดีครับ บรรยากาศยามเย็นข้างนอกท่าจะหนาว 


สักพักมีคนมาแจกเครื่องดื่ม ประมาณว่าโฆษณาหรือให้ทดลองสินค้าของเขาน่ะครับ 


เครื่องดื่มที่เขาเอามาแจกนั้นรสชาติประมาณว่าสาโทบ้านเราเลยครับ ทั้งรสชาติและสี กระป๋องมีสองสี คือสีเขียวอ่อนแบบนี้และสีฟ้าครับ แต่ผมว่าสีเขียวอ่อนแบบนี้อร่อยกว่าสีฟ้าครับ กินเยอะๆก็มึนๆนิดๆ พวกเราเลยขอเพิ่ม ทั้งสีเขียวสีฟ้าครับ 555 เขาก็ให้นะ 


แถมอีกรูป อันนี้ให้ดูบรรยากาศภายในขบวนรถไฟฟ้าเขานะครับว่ามันน่านั่งและสะอาดเพียงใด ไม่ต้องดูนางแบบนะครับ 555 


จากสนามบินอินชอน นั่งรถไฟไฟ้ไปประมาณเกือบ 40 นาที จากที่วิ่งบนดิน ก็มุดลงใต้ดินครับ เพราะเข้าในเขตเมืองแล้ว สุดท้ายก็จอดให้เราลงที่สถานี Seoul Station แบบน็อนสต็อปครับ (รถไฟฟ้าจากสนามบินที่จอดหลายสถานีก็มีนะครับ แต่วันมาเรามาเจอขบวนนี้เสียก่อน ก็เลยนั่งมา ได้ใช้บริการถไฟฟ้าที่เป็นแบบจอดทุกสถานีก็ตอนวันกลับนะครับ) 



มาถึงสถานี Seoul Station ก็ต้องต่ออีกสายไปเมียงดงครับ นั่นก็คือสายสีฟ้าเป็นสาย 4 ครับ มีป้ายบอกทางเรื่อยๆครับไม่หลงแน่นอน ในรูปนี้มันยังไม่อัพเดทเท่าไหร่ เพราะสถานีรถไฟฟ้าของกรุงโซลนับวันจะมีการขยายเส้นทางและขบวนเพิ่มขึ้น (ถ้าใครมีแท็บเล็ท โหลดแอพสถานีรถไฟฟ้าที่ Play สโตร์ ให้ search คำว่า Seoul Subway นะครับ จะขึ้นโลโก้รูปรถไฟฟ้าสีขาวพื้นหลังเป็นสีฟ้าชื่อว่า "Subway" ให้โหลดอันนี้เลยครับโหลดฟรีและมีการอัพเดทเรื่อยๆครับ) ที่สถานี Seoul Station สายสีเขียวจะเป็นสถานีหมายเลข 426 นะครับ เราจะนั่งไปอีก 2 สถานี ลงสถานีเมียงดง หมายเลขสถานีเมียงดงคือ 424 ครับ จากนั้นก็เดินออกประตูหมายเลข 3 


ออกจากประตู 3 มาปุ๊บ มองซ้ายมือเห็นโรงแรม Pacific Hotel เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า  ส่วนด้านหลังเป็นหอคอย Seoul Tower ที่เราวางแผนว่าจะขึ้นไปชมวันสุดท้ายก่อนกลับบ้านครับ ให้เดินเลียบขวามือมาเรื่อยๆ สังเกตป้ายถนนชื่อ Toegye-ro 18 gil (퇴계로18길) ผ่านโรงแรมแปซิฟิค เดินไปอีกประมาณ 200 เมตรนะครับ จะเจอนัมซานเกสท์เฮาส์ที่เราได้จองไว้ล่วงหน้าแล้วครับกับอโกด้า อยู่ด้านซ้ายมือครับ


เข้าไปเช็คอินที่นี่ครับ (สถานที่เช็คอินจะอยู่นัมซาน 2 ครับ) รีเซ็ปชั่นอยู่ที่นี่


แต่พวกเราได้ห้องที่นัมซาน 1 ซึ่งต้องเดินขึ้นเขามาอีกประมาณ 200 เมตรครับ ห้องที่ได้จะเป็นสไตล์ออนดลแบบนี้ครับ มีฮีตเตอร์ในห้องด้วยครับ แต่ไม่ได้เปิดเลยครับ อากาศกำลังสบายไม่หนาวมาก แต่ถ้าออกไปข้างนอกตอนค่ำก็หนาวๆนิดๆครับต้องใส่เสื้อหนาวอยู่ดี 


บรรยากาศด้านนอกด้านหน้านัมซานเกสเฮาส์  1 ที่เราอยู่เป็นแบบนี้ครับ มีพาสเวิร์ดผ่านเข้าออกประตูด้วยครับรู้สึกว่า 828* อะไรประมาณนี้แหละครับ ลืมแล้ว อิๆ 


เก็บของ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกตระเวณนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเล่นกันครับ ต่อไปนี้จะเรียกรถไฟฟ้าใต้ดินว่า Subway นะครับ เราจะไปสะพานพันโพกันครับ (달빛무지개분수) ภาษาอังกฤษเรียกว่า The Moonlight Rainbow Fountain หรือน้ำพุสายรุ้งครับ เป็นสะพานที่มีน้ำพุหลากสีออกมาให้ถ่ายรูปสวยๆกัน วิธีการไปก็คือ นั่ง Subway จากสถานีเมียงดงนั่งไปสถานีเดียวไปลงสถานี Chungmuro(423)(331)  เพื่อเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีส้ม (สาย 3) แล้วนั่งสายสีส้มไปอีก 8 สถานีลงสถานี Express Bus Terminal (339) ออกประตู 8-1 เดินไปเรื่อยๆ จะเจอ 4 แยกแล้วเลี้ยวขวา แล้วก็เดินตรงไปอีกจะไปเจอสะพานพันโพครับ รวมๆก็เดินเป็นกิโลเลยครับ แต่ปรากฎว่าผมลืมดูเวลาว่าสะพานจะหยุดแสดงน้ำพุหลัง 3 ทุ่มครับ เราไปกันเกือบจะ 4 ทุ่มแล้วเลยไปแบบว่าแห้วเลยครับ 


ไหนๆก็มาทั้งทีแล้ว ถ่ายรูปสะพานไว้เป็นที่ระทึก 1 รูปก่อนกลับก้วยความเจ็บใจในความสะเพร่าของตัวเองที่ลืมดูเวลา อุตส่าห์หาข้อมูลไปแล้วยังพลาดอีกนะเนี่ย เวลาแสดงน้ำพุช่วงเดือน เม.ย.- มิ.ย. จันทร์-ศุกร์เวลา12:00, 20:00, 21:00 ครับ ส่วนวันเสาร์- อาทิตย์มีรอบ 12:00, 17:00, 20:00, 20:30, 21:00 ส่วนเดือน กรกฎาคม - สิงหาคม วันจันทร์-ศุกร์ มีรอบ 12:00, 18:00, 20:00, 21:00 ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์ มีรอบ 12:00, 18:00, 20:00, 21:00, 22:00 ในฤดูหนาวจะไม่มีการแสดงน้ำพุดนตรีนะครับ การแสดง 1 รอบใช้เวลา 15 นาทีครับ 


สุดท้ายก็นั่ง Subway กลับสายเดิม สีส้มลงชุงมูโร ต่อสายสีฟ้าลงเมียงดง แล้วก็เดินออกประตู 3 กลับโรงแรม  ก่อนกลับหาของกินแบบเกาหลีๆ กินก่อนครับ บุลโกกิ เป็นเนื้อนะครับใส่ผักใส่สาหร่ายใส่วุ้นเส้นประมาณหมูกะทะ มีกิมจิให้ด้วย มีข้าวสวยและผักให้ อร่อยมากครับ มื้อนี้จ่ายไป สามหมื่นสองพันวอน ก็หารกันสองคน ตกประมาณคนละ 400 บาท ก็โอเคครับ ไม่แพงมาก กินอิ่มด้วยมากๆ ราตรีสวัสดิ์ครับ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น